ความทรงจำ - เชียงใหม่หน้าฝนกับคนเหงาทั้งสี่ ( 2 วัน 1 คืน)

   สวัสดีค่ะ วันนี้ Checkalist ขอมาย้อนอดีตกันหน่อยย บทความนี้ตั้งใจเขียนไว้นานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จัดการสักที วันนี้ช่วงกักตัวเองอยู่บ้าน เพราะสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งเราอยากออกไปเที่ยวมากและเชื่อว่าทุกคนก็เหมือนกัน แต่สถานการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวย การอยู่ห้องหรือบ้านก็เป็นทางหนึ่งที่เราจะช่วยบุคลากรทางการแพทย์ได้ และตอนนี้สถานการณ์ไฟไหม้ป่าทางภาคเหนือก็รุนแรงมากๆ ธรรมชาติเสียหายไปมาก อย่างไรก็ตามความทรงจำดีๆก็ยังคงอยู่และหวังว่าป่าจะฟื้นตัวกลับมาได้โดยเร็ว วันนี้เรามาย้อนความทรงจำกันหน่อยดีกว่า!

12/07/2019...

   เย็นวันศุกร์วันหนึ่งในปี 2019... ณ ร้านชาบูแห่งหนึ่งใจกลางสยาม เราและกานต์นัดกินข้าวกับนิคเพื่อนสมัยมัธยมที่มีแผนจะไปเชียงใหม่คืนนี้ ในขณะที่รับประทานอาหารมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย เราก็เริ่มบทสนทนาตั้งแต่ชีวิตรักไปจนถึงหน้าที่การงาน ดูเหมือนว่าเรื่องราวชีวิตของพวกเราจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คุณนิคผู้มีความสามารถในการโน้มน้าวก็เอ่ยปากชวนเราและกานต์ไปร่วมทริปนี้ด้วยกัน

   "วันนี้คือวันศุกร์ เราก็มีเวลาได้เที่ยว 2 วัน 1 คืน และกลับมาทำงานที่เรารักในเช้าวันจันทร์" ในสมองคิดซ้ำไปมาซ้ำมาว่าร่างกายจะไหวมั้ย แต่ด้วยพลังงานบางอย่างทำให้พวกเราตกลงไปในที่สุด แต่ แต่ แต่ แต่ กระเป๋ายังไม่ได้จัด ตั๋วก็ยังไม่ได้ซื้อ พวกเราจึงส่งคุณนิคให้ล่วงหน้าไปยังหมอชิตเพื่อดูตั๋วให้ ส่วนเราและกานต์นั่งขนส่งสาธารณะที่เร็วที่สุดในกทม.กลับไปที่พักย่านฝั่งธนฯ เพื่อตระเตรียมชุดสำหรับทริป

"เชียงใหม่หน้าฝนกับคนเหงาทั้งสี่" 

   เรามาถึงหมอชิตได้ทันเวลา เรียกว่าก่อนเวลาด้วยซ้ำ//เรานี่มันสุดยอดจริงๆ// และในทริปนี้เรามีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 4 คน ซึ่งอีกท่านนึงก็คือคุณแพรฝนผู้ก่อตั้งทริปนั่นเอง

ข้อมูลราคาตั๋วจากบริษัทรถทัวร์อื่นๆ เพิ่มเติมจาก www.busonlineticket.co.th

   รถเคลื่อนตัวออกจากสถานีขนส่ง"หมอชิต"เรื่อยๆตามเส้นทาง และในที่สุดก็ถึงสถานีปลายทาง "อาเขต" พอลงจากรถพวกเราก็ล้างหน้าล้างตาแล้วออกตามหาอาหารมื้อแรก เราเดินตรงออกมาจากขนส่งเห็นร้านอาหารอยู่ร้านนึง เลยตรงเข้าไปนั่งและสั่งอาหารมากินกันฃ

ร้าน ป้ามุณีข้าวซอยไก่ อาหารตามสั่ง

   ในระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่เจ้าของรถที่เพื่อนเช่าไว้ก็ติดต่อมาพอดี เพื่อนก็นัดแนะกันไปรับรถ เมื่อได้รถแล้วเราก็พร้อมออกเดินทาง (แนะนำให้ถ่ายสภาพรถไว้ซะหน่อย เพื่อความไม่ประมาท)

หลังจากได้รถมาพวกเราก็ตรงไปยังร้านขนมหวานมีนามว่า "WANDEE (วันดี)" ที่เราขอยกให้เป็น THE BEST เพราะไปมาร้านเดียว แต่การันตีด้วยการไปซ้ำในวันถัดมา เมนูแนะนำ! "บัวลอยไข่เค็มลาวา" เนื้อแป้งหนุบหนับ ไส้ลาวา นมสดๆ ชื่นใจมากกกก

 เมื่ออิ่มท้องทั้งคาวและหวานแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังม่อนแจ่ม เพื่อหาที่พักในคืนนี้ แต่ระหว่างทางก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้แวะชมใกล้ชิดกับธรรมชาติมากมาย

   หลังจากแวะชื่นชมธรรมชาติก็ได้เวลาหาที่พัก ทริปนี้พวกเราไม่ได้จองที่พักล่วงหน้าเลยมาหาเอาดาบหน้ากันซะเลย การหาที่พักไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น เพราะที่พักเต็ม เต็ม เต็มและเต็ม แต่ในที่สุดคุณฝนก็ติดต่อที่พักได้ เย่!!ที่พักของเราในคืนนี้คือ "ไร่ภูผาร่มเย็น"

   เมื่อเลือกห้องกันได้แล้วพวกเราก็ถามถึงการมัดจำแต่คุณลุงเจ้าของบอกว่าไม่ต้องก็ได้ ลุงบอกว่าไว้ใจ น่ารักมากๆ (ค่าห้องไม้ไผ่ประมาณ 1000-1800 บาท พักกัน 4 คน ราคานี้รวมที่นอนเสริมและอาหารเช้า ปล.จำราคาที่แน่นอนไม่ได้แต่จำได้ว่าราคาเป็นมิตรมากๆ 😚) คุยกับคุณลุงที่เป็นเจ้าของบอกว่ากำลังจะมีที่พักแบบโจม เสียดายมากพวกเรามาก่อน แต่แค่บ้านไม้ไผ่ก็ดีมากๆแล้วล่ะ! หลังจากนั้นเราจึงออกไปหาอาหารมื้อเย็นกันที่"ม่อนแจ่ม" พร้อมกับถ่ายรูปกันอีกนิดหน่อย

   หลังจากอิ่มท้องเราก็ซื้อขนมและเครื่องดื่มเพื่อมาตุนสำหรับคืนนี้ ตอนกลางคืนลมหนาวพัดมาตลอดทั้งคืนพวกเราบางคนก็อยากท้าทายลมหนาวด้วยการนั่งตรงระเบียงอยู่สักพักใหญ่ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ เราผลัดกันอาบน้ำเพื่อจะได้เข้านอน พรุ่งนี้จะได้มีแรงลุยกันต่อ (ห้องพักมีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊สให้บริการไม่หนาวแน่นอน)

13/07/2019...

   หลังจากเก็บบรรยากาศและทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปเก็บจุดเช็คอินต่อไป... "Pongyang Jungle Coaster" ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมาย เป็นกิจกรรมที่ใช้ความกล้า ซึ่งทางเราไม่กล้า ขอเบาๆเป็น รถไฟรางไม้ที่...ตอนแรกก็กลัวแต่เพื่อนไปเราก็ต้องไป! สุดท้ายแล้วก็สนุกดีแต่เหมือนระยะจะสั้นกว่าที่คิด นอกจากกิจกรรมต่างๆก็มีคาเฟ่ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติบรรยากาศดี  

ชิลล์มากกก

   "ดอยอินทนนท์" ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย เราต้องไปมั้ย เพราะเราก็เพิ่งไปพักยอดดอยมา.. คงเหมือนกันแหละ แต่... ไกด์ผู้ครองพวงมาลัยและคันเร่ง.. สุดท้ายแล้วก็ทำให้รถของเราไปจอดที่ยอดดอยอินทนนท์จนได้ ก่อนที่จะลงจากรถพวกเราก็พอจะทราบถึงความเย็นของอากาศจากการเปิดกระจกไต่เขากันขึ้นมา แต่พอได้นำกายหยาบลงจากรถ ทำให้เราได้สัมผัสกับลมที่เย็นที่สุดเท่าที่จะเคยสัมผัสมา พวกเราถึงกับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "นี่แหละเชียงใหม่!!!!" ในรูปข้างล่างนี้จะเป็นภาพที่ถ่ายตรงจุดพักรถทางขึ้นดอยอินทนนท์

  
  หลังจากสัมผัสลมหนาวแล้ว พวกเราก็มีจิตมุ่งมั่นที่จะลงมาตามหาน้ำพริกอ่อง เพราะมีเพื่อนร่วมทางรายหนึ่งนามว่ากานต์แจ้งขึ้นมาว่า ถ้าเราไม่กินน้ำพริกอ่อง เราจะมาไม่ถึงเชียงใหม่นะ !!! เลยได้ร้านนี้มา (จำชื่อร้านไม่ได้) เพราะเป็นร้านเดียวที่เปิด แต่ถือว่าอร่อยอิ่มท้องและราคาย่อมเยา ก่อนกลับทางเราและคณะได้เดินทางกลับไปซ้ำบัวลอยไข่เค็มลาวาที่ร้าน WANDEE (วันดี) อีกครั้งงงง โอเคกลับบ้านได้! เราเดินทางกลับโดยรถทัวร์เช่นเคย แต่รอบนี้เป็นรถทัวร์ VIP (เวียงพิงค์บัส) ถือว่าสะดวก สบาย ราคาเป็นมิตร มีการจอดพักสำหรับทานอาหาร 1 มื้อ และเปลี่ยนคนขับเพื่อความปลอดภัย

   

   เรากลับมาถึงห้องก็พบว่าวันนี้คือวันจันทร์ เรานอนต่อนิดหน่อยเพื่อเก็บแรงและตื่นขึ้นมาทำงานที่เรารักเรารู้สึกว่าตัวเองมีพลังที่เต็มเปี่ยม อย่างบอกไม่ถูก พวกเราคิดถูกกันมากที่ตัดสินใจไปทริปนี้ เหมือนเป็นการปลดล็อคความคิดที่ว่าเราจะไม่สามารถเที่ยวต่างจังหวัดได้โดยไม่มีวันหยุดยาว

   สุดท้ายนี้ขอกล่าวไว้ตรงนี้เลยว่าเราต้องกลับไปเยือนอีกแน่นอน เพราะว่า ยัง ไม่ ได้ กิน หมู กระ ทะ

ก่อนลากันไป หลายๆคนอาจจะโหยหาการออกไปท่องเที่ยว แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปดูที่ที่เราเคยไปมันก็จะทำให้ความสุขตรงนั้นกลับมาอีกครั้ง ลองดูนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนและตัวเองตอนนี้เหมือนกัน

"เรายังผ่านเมื่อวานมาได้เลย ทำไมเราจะผ่านวันนี้ไปไม่ได้" :)

-Special Thanks-

ขอบคุณคุณนิค ที่บิ้วเก่งง จองตั๋วเก่งง ถ่ายรูปเก่ง ขับรถเก่งงง บาปบุญทางเราไม่เมารถเลย 👍

ขอบคุณเจ้แพรฝน ที่คอยเป็นดีเจและดูทางให้ตลอดทริป ถึงแม้ว่าจะทะเลาะกับผู้ขับตลอดทาง แต่ทางเราถือว่าเป็นการเอนเตอร์เทนที่ดี 5555555555

ขอบคุณคุณกานต์ ที่ตัดสินใจมาด้วยสายตาของทางเรา ถึงแม้ว่าในตู้เสื้อผ้าจะมีชุดที่เหมือนจะใส่ไปทะเลได้เท่านั้น 5555

และสุดท้ายขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจมา

เรียบเรียง: Checkalist

อาร์ตเวิร์ค: Hello.Event.Card

ภาพ: ฉันและชาวคณะ